วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของ ICT ด้านธุรกิจ

งานทางด้านธุรกิจส่วนใหญ่มุ่งที่จะให้คอมพิวเตอร์ช่วยประมวลผลข้อมูลที่มี จำนวนมาก เช่น ช่วยคำนวณสถิติข้อมูลของบริษัท ช่วยจัดการเรื่องข้อมูลบัญชี ข้อมูลสินค้าคงคลัง และวัตถุดิบ การติดตามและการเรียกเก็บหนี้สินต่างๆ คอมพิวเตอร์ ยังมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงในวงการธุรกิจ หลังจากที่บริษัทอินเทลได้สร้างไมโครโพรเซสเซอร์สำเร็จในปี พ.ศ. 2518 การใช้งานคอมพิวเตอร์ก็เข้ามามีบทบาทในธุรกิจขนาดเล็ก และในที่สุดก็มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ยุคของการ ประมวลผล ก็ก้าวมาสู่ยุคงานสารสนเทศมีการมอง ระบบข้อมูลในรูปแบบการใช้งานที่กว้างขวางกว่าเดิม มีระบบการประมวลผลแบบเชื่อมตรงเรียกค้นข้อมูลที่ ตอบโต้ได้ทันที ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พบว่าสารสนเทศที่ได้จากการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อ คำนวณ แยกแยะ จัดการกับข้อมูลมีประโยชน์อย่างยิ่งในเรื่องการวางแผน การจัดการ การควบคุมงานในหน่วยงาน

ของตน ทำให้ผู้บริหารได้ประโยชน์จากการใช้ข้อมูลในการ วางแผนแข่งขันกับหน่วยงานอื่นได้ การพัฒนาระบบสารสนเทศจึงแพร่กระจายไปใน องค์การเพื่อให้องค์การมีระบบการจัดการที่ใช้ข้อมูลอย่างเต็มที่

ที่มาhttp://www.zoneza.com/view3833.htmการสือสาร

ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทางด้านการศึกษาและสังคม

ประโยชน์ที่ได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศต่าง ๆ มากมาย การอยู่รวมเป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้องสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน สมองของเราต้องจดจำสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ต้องจดจำรายชื่อผู้ที่เราเกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่าง ๆ ไว้เพื่อใช้ประโยขน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็นระบบที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้านเป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่ เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้แลขประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีควาหมายเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้างเวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ
การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม การโอนย้ายข้อมูลในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้น เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลจำนวนมากได้รับการบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่น อยู่ในแถบบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่นซีดีรอม หนังสือทั้งตู้อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว
 
 
 
 
ที่มาhttp://www.pbj.ac.th/THAIWBI/ict1.html

การสื่อสารข้อมูล

ในระบบการสื่อสารข้อมูล อุปกรณ์ของผู้ส่ง และอุปกรณ์ของผู้รับ จะต้องใช้วิธีการส่ง –ข้อมูล (Transmission) การเชื่อมต่อ (Interface) การเข้ารหัส (Encoding) และวิธีการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล (Error Detection) ในรูปแบบเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อความเป็นระเบียบและความสะดวกที่ผู้ใช้อุปกรณ์การสื่อสารข้อมูลสามรถนำมา
ใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะสื่อสารกันได้หรือไม่ ดังนั้นจึงมีการกำหนดมาตรฐาน
สากลสำหรับการสื่อสารข้อมูล ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. มาตรฐานโดยนิตินัย หรือมาตรฐานแบบเดอ ยึอเร (De Jure Standard)
แบบเดอยึอเรเป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลตอบแทน ซึ่งมาตรฐาน
ต่าง ๆ ถูกกำหนดโดยคณะกรรมการ ที่ผ่านการประชุมเห็นชอบ มีการวางแผนการล่วงหน้าเป็นการกำหนดเพื่อคนส่วนส่วนใหญ่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบเปิด
2. มาตรฐานโดยพฤตินัย หรือมาตรฐานแบบเดอ ฟัคโต (De Facto Standard)
แบบเดอ ฟัคโต เป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นโดยไม่มีคณะกรรมการ ไม่มีการวางแผนการล่วง
หน้า ไม่มีการประกาศมาตรฐานให้ปฏิบัติการ แต่เกิดจากผู้ใช้มีความนิยมในผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็มพีซี ได้กลายเป็นมาตรฐานของเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เกิดจากโครงการ ARPRANET ของกระทรวงกลาโหม -สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันได้แพร่หลายไปทั่วโลก กลายเป็นมาตรฐานของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบปิด



ที่มา  http://61.19.212.45/~weerasak/StudentProject/Sudarut2553/htdoc/8-4.html


ความหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสรเทศหมายถึง การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถค้นหาเรียกดูและเพยแพร่ให้สะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน




ที่มา http://www.blogger.com/blogger.g?blogID=2689691886295984004#editor/target=post;postID=3161907444552769706